Stay updated

News
& Updates

HYAS : Beyond Filters: The Advantages of Protective DNS

ในโลกดิจิทัลที่ ภัยคุกคาม มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องและซับซ้อนมากขึ้นทุกวัน องค์กรต่างๆ ไม่สามารถพึ่งพาระบบกรองพื้นฐานในการปกป้องเครือข่ายของตนได้อีกต่อไป เพราะเมื่อแฮกเกอร์เปลี่ยนกลยุทธ์และเทคนิคอยู่เสมอ เทคโนโลยีป้องกันของเราก็ต้องพัฒนาให้เหนือชั้นยิ่งกว่า

หนึ่งในเทคโนโลยีที่ตอบโจทย์ยุคนี้คือ Protective DNS (PDNS) ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการเสริมแนวป้องกันขององค์กรให้แข็งแกร่งขึ้น


Protective DNS คืออะไร?

PDNS หรือ “ระบบ DNS แบบป้องกัน” ไม่ได้เป็นเพียงระบบกรองเว็บไซต์ แต่เป็นการเฝ้าระวังแบบอัจฉริยะที่ใช้ DNS : ระบบที่ทำหน้าที่แปลงชื่อเว็บไซต์เป็น IP Address : เป็นจุดควบคุมในการตรวจจับและบล็อกภัยคุกคามก่อนที่อุปกรณ์จะสามารถเชื่อมต่อไปยังปลายทางที่เป็นอันตราย

ต่างจาก DNS ปกติหรือการกรองแบบ blocklist ทั่วไป ระบบ PDNS จะวิเคราะห์ พฤติกรรม DNS อย่างละเอียด และใช้ข้อมูลเชิงลึก (Threat Intelligence) เพื่อพิจารณาว่าโดเมนหรือคำขอใด “น่าสงสัย” แม้ว่าจะยังไม่อยู่ในรายการที่รู้จักก็ตาม


🔍 HYAS Protect แตกต่างจากการกรองแบบเดิมอย่างไร?

ระบบกรอง DNS แบบทั่วไปที่มีอยู่ในตลาดหลายเจ้ามักทำงานบนหลักการง่ายๆ คือ บล็อกเว็บไซต์ที่มีชื่ออยู่ในรายการ blacklist แต่การโจมตีในปัจจุบันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป — มัลแวร์และผู้โจมตีสามารถสร้างโดเมนใหม่ภายในไม่กี่วินาที ซึ่งอาจยังไม่มีข้อมูลหรือประวัติในฐานข้อมูลใดๆ

HYAS Protect ใช้ข้อมูลจากแพลตฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานของผู้ไม่ประสงค์ดี (Adversary Infrastructure Platform) ซึ่ง HYAS มีความเชี่ยวชาญในการวิเคราะห์โครงข่ายการโจมตีลึกถึงระดับเบื้องหลัง เช่น:

  • โครงสร้าง DNS ที่ใช้สร้างโดเมนแบบหลอกลวง

  • พฤติกรรมการกระจายคำขอ DNS ที่ไม่ปกติ

  • ความเชื่อมโยงกับโดเมนที่เคยใช้โจมตีมาก่อน

ทำให้ HYAS สามารถบล็อกภัยคุกคามได้แม้ในกรณีที่ไม่มีข้อมูลเชิงประวัติ (reputation) ใดๆ มาก่อน


📈 มากกว่าแค่การบล็อก — HYAS ให้อะไรกับองค์กรบ้าง?

HYAS Protect ไม่เพียงบล็อกการเข้าถึงโดเมนอันตรายเท่านั้น แต่ยังให้ข้อมูลเชิงลึกแก่ทีมความปลอดภัยขององค์กร เช่น:

  • รายงานเกี่ยวกับพฤติกรรม DNS ที่ผิดปกติ

  • ระบุอุปกรณ์ในองค์กรที่อาจมีความเสี่ยงหรือมีพฤติกรรมคล้ายมัลแวร์

  • ระบุต้นตอหรือแนวโน้มของการโจมตีที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

  • เชื่อมโยงการสืบสวนกับข้อมูลการโจมตีในระดับโครงสร้างพื้นฐาน เช่น IP, ASN, Registrar และอื่นๆ


🧩 ทำงานร่วมกับเครื่องมือเดิมได้อย่างไร?

HYAS ออกแบบ Protect ให้สามารถ ผสานรวมกับเครื่องมือความปลอดภัยที่องค์กรมีอยู่ ไม่ว่าจะเป็น:

  • SIEM (Security Information and Event Management)

  • SOAR (Security Orchestration, Automation, and Response)

  • Endpoint Protection

  • ระบบ Firewall และ NDR (Network Detection & Response)

การเชื่อมโยงนี้ทำให้ทีม SecOps สามารถวิเคราะห์และตอบสนองต่อเหตุการณ์ได้เร็วขึ้นและแม่นยำยิ่งขึ้น


🔐 ความปลอดภัยที่เชิงรุก (Proactive Security)

ในขณะที่หลายองค์กรยังคงตั้งรับ HYAS มุ่งเน้นไปที่ การป้องกันเชิงรุก โดยมองล่วงหน้าถึงภัยคุกคามที่อาจยังไม่เกิดขึ้น ด้วยข้อมูลข่าวกรองที่มีความแม่นยำสูง HYAS จึงสามารถช่วยองค์กร:

  • ป้องกันการติดมัลแวร์ตั้งแต่เริ่มแรก

  • ปิดเส้นทางการเชื่อมต่อกับ C2 server หรือศูนย์บัญชาการของผู้โจมตี

  • หยุดยั้งการขโมยข้อมูลก่อนที่มันจะเกิดขึ้นจริง

หมายเหตุ **C2 Server (Command and Control Server) คือ เซิร์ฟเวอร์ควบคุมและสั่งการ ที่ใช้โดยแฮกเกอร์หรือผู้ไม่หวังดีในการควบคุมมัลแวร์ที่พวกเขาปล่อยเข้าสู่ระบบของเหยื่อ


🔐 Protective DNS: ด่านแรกของความปลอดภัยไซเบอร์ที่คุณวางใจได้

Protective DNS เป็นมาตรการด้านความปลอดภัยที่หน่วยงานสำคัญอย่าง CISA (Cybersecurity and Infrastructure Security Agency) ยังแนะนำให้ใช้อย่างชัดเจน เพื่อป้องกันภัยคุกคามทางไซเบอร์ และเป็นส่วนสำคัญของแนวคิด Zero Trust รวมถึงมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากล เช่น CMMC

ต่างจากระบบกรองเว็บไซต์ทั่วไป
Protective DNS คือเครื่องมืออัจฉริยะที่ วิเคราะห์พฤติกรรม และ ตรวจจับภัยคุกคามตั้งแต่ต้นทาง
ช่วยหยุดการเชื่อมต่อกับปลายทางที่อันตราย ก่อนที่จะเกิดความเสียหาย

ไม่ต้องติดตั้งยุ่งยาก — ระบบทำงานอัตโนมัติอยู่เบื้องหลังอย่างราบรื่น
ในขณะที่ให้ทีมไอทีสามารถ ติดตาม แจ้งเตือน และตอบสนองได้ทันเวลา

ในโลกที่ภัยไซเบอร์สามารถเกิดขึ้นได้ทุกวินาที
HYAS Protect คือผู้ช่วยเฝ้ายามอัจฉริยะของคุณ
คอยปกป้องทุกการเชื่อมต่อ และดูแลองค์กรของคุณอย่างมั่นใจในแบบเรียลไทม์

**CMMC (Cybersecurity Maturity Model Certification) คือ มาตรฐานความมั่นคงปลอดภัยทางไซเบอร์ ที่ออกโดยกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ

Share:

Facebook
Twitter
Pinterest
LinkedIn